Friday, January 29, 2016

แจ๊ค หม่า มีอะไรจะบอกคุณ



คลิกเพื่อรับชมสุนทรพจน์ความยาว 11 นาทีของ แจ็ค หม่า

อยากได้คำแนะนำจากมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของจีน?

ซีรี่ส์ “เรื่องดี ๆ จากดร.ณัชร” เรื่องที่ 88 วันนี้นำเสนอเรื่อง “แจ๊ค หม่า มีอะไรจะบอกคุณ

ผู้เขียนได้มีโอกาสฟังสุนทรพจน์ที่แจ๊ค หม่า ให้คำแนะนำเรื่องการสร้างอนาคตกับคนหนุ่มสาวชาวเกาหลี(ที่มี subtitle เป็นภาษาอินโดนีเซีย!) และเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับชาวไทยเราด้วย  จึงสรุปมาฝากคุณผู้อ่านดังนี้

สิ่งแรกที่คุณจะรู้สึกเมื่อได้ฟังแจ็ค หม่าพูดคือ สำเนียงภาษาอังกฤษของเขาดีมากสำหรับคนจีน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่เรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง! 

เขาพูดด้วยความมั่นใจและมีการเน้นคำ มีการหยุดเป็นระยะ ๆ เพื่อให้ผู้ฟังได้ซึมซับความสำคัญของสิ่งที่เขาพูด

แจ็ค หม่า เปิดสุนทรพจน์ด้วยการเล่าถึงประวัติตนเองสั้น ๆ  ว่าชีวิตเขาต้องต่อสู้อย่างมากเพราะพ่อเขาไม่ได้มีฐานะร่ำรวย  เขาสมัครเข้ามหาวิทยาลัยถึง 3 ครั้งก็โดนปฏิเสธโดยตลอด  ในที่สุดต้องไปเรียนในวิทยาลัยครูซึ่งจัดเป็นสถาบันอุดมศึกษาระดับ 3 หรือ 4 (เทียบเท่าเกรด C หรือ D) ของเมือง 

แต่เขาบอกว่าพอได้เรียนไปจริง ๆ แล้วกลับดีกว่าฮาร์วาร์ดที่ปฏิเสธเขาถึง 10 ครั้งเสียอีก!

สมัยที่เป็นครูเขาใช้ชีวิตธรรมดาและรู้สึกอึดอัดขัดข้องมากเพราะได้เงินเดือนเพียงเดือนละ 10 ดอลล่าร์  ซึ่งตรงนี้ผู้เขียนอ่านจากหนังสือชีวประวัติเขาและได้ทราบว่าเขาต้องไปเปิดโรงเรียนสอนพิเศษภาษาอังกฤษเพื่อหารายได้เสริม

แต่สิ่งหนึ่งที่แจ็ค หม่า เชื่อมั่นอยู่ลึก ๆ ในใจมาตลอดก็คือ “มีบางสิ่งบางอย่างที่ดีกว่านี้รอเขาอยู่ข้างหน้า”

เขาเล่าว่าเขาทำงานหนักเพื่อพิสูจน์ตนเองและไม่เคยคิดว่าตนเองฉลาด  ทุกคนคิดว่าเขาบ้าและทำอะไรที่แปลกแยกแตกต่างไปจากคนอื่น เช่น เขาเห็นโอกาสในสิ่งที่เรียกว่า อินเทอร์เน็ท มาตั้งแต่ปี 1994

เขากล่าวว่าเขาเพียงแต่อยากจะหางานดี ๆ แต่เขาก็หางานดี ๆ ไม่ได้ เขาจึงต้องสร้างงานขึ้นมาเอง!

10 ปีผ่านไปเมื่อเขาประสบความสำเร็จแล้วผู้คนก็ถามเขาว่า “คุณทำได้อย่างไร?  ทำไมคนอื่นไม่เห็นโอกาสเหมือนคุณ?”

เขาบอกว่าเขาเองก็เคยคิดอย่างนั้นกับบิล เกตส์ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว  แต่ภายหลังเขาก็เริ่มเข้าใจ

แจ็ค หม่า บอกว่าเขาโชคดีที่ได้มีโอกาสรู้จักคนอย่างบิล เกตส์, วอร์เรน บัฟเฟตต์, ลารี่ เพจ, มาร์ค ซัคเคอร์เบอร์ค และ แจ็ค เวลช์ เป็นส่วนตัว  เพราะการที่ได้รู้จักคนเหล่านั้นทำให้เขาเข้าใจว่า...

“ข้อแตกต่างระหว่างคนเหล่านี้กับคนอื่น ๆ ก็คือ  พวกเขามักจะมองอนาคตในแง่ดีอยู่เสมอ  พวกเขาไม่เคยบ่นเลย

และสิ่งที่คนเหล่านั้นทำก็คือการ “พยายามแก้ปัญหาให้ผู้อื่น”

“แล้วโอกาสอยู่ที่ไหนล่ะ?”            “ก็อยู่ในเรื่องที่คนบ่นเยอะ ๆ ไงล่ะ  และนั่นคือสิ่งที่ผมทำ!

“ในช่วงปี 1994-1995 มีคนมากมายในจีนที่ต้องการส่งของไปขายยังต่างประเทศแต่ไม่มีโอกาสเพราะพวกเขาไม่มีเงินไปร่วมงานแสดงสินค้าต่างประเทศ  ขอวีซ่าไม่ได้ และไม่รู้จักคู่ค้าเลย  ผมเลยคิดว่าถ้าอินเทอร์เน็ทสามารถช่วยพวกเขาได้มันจะเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากทีเดียว”

“และคุณต้องหาทีมที่เชื่อมั่นในความฝันของคุณอย่างสุดหัวใจเช่นกัน”

“ใน 3 ปีแรกเราไม่มีรายได้เลยแม้แต่ 1ดอลล่าร์  แต่ทำไมเรายังเดินหน้าต่อไป?  ก็เพราะว่าเราได้รับอีเมล์จำนวนมหาศาลที่ขอบคุณเราในสิ่งที่พวกเราทำลงไป  พวกเขาบอกว่า  วันหนึ่งคุณจะต้องประสบความสำเร็จด้วย”

“และผมก็เชื่อมั่นเช่นนั้น!”

“ตอนนี้พวกเราอยู่ในช่วงที่ดีที่สุดในศตวรรษ   ยุคเครื่องจักรไอน้ำมีช่วงรุ่งเรืองอยู่ 50 ปี  ต่อด้วยยุคของไฟฟ้าอีก 50 ปี  ช่วง 20 ปีที่ผ่านมาเป็นยุคของ Information Technology หรือ IT” 

“จากนี้ไปอีก 30 ปีจะเป็นยุคของ Data Technology  ซึ่งจะเป็นยุคของการแชร์ข้อมูล การรับผิดชอบ และการมีความหลงใหล (passion) ต่ออนาคต”

“สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ “จงอย่าบ่น”  ปล่อยให้คนอื่นบ่น  คนที่บ่นคือคนที่ล้มเหลว  อย่าบอกว่าฉันไม่มี หรือ ฉันทำไม่ได้  แต่ให้ถามตัวเองว่าเราจะทำสิ่งดี ๆ ขึ้นมาได้อย่างไร?”

“ใช้สมองของคุณคิดเอง  ตอนผมอายุยังน้อยผมเคยไปที่โรงแรมแห่งหนึ่งข้างทะเลสาบหางโจวทุกวันตอนตี 5 เพื่อหัดฝึกพูดภาษาอังกฤษกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่นั่น”

“สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้นมันช่างแตกต่างจากสิ่งที่พ่อแม่และครูเคยบอกผมอย่างสิ้นเชิง  และแตกต่างจากหนังสือพิมพ์ที่ผมเคยอ่านมาด้วย”

“จากนั้นเป็นต้นมาผมก็เริ่มใช้สมองของผมเองคิดเอง  ผมเริ่มตั้งคำถามว่า  “เรื่องมันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ หรือ?  เราจะทำให้มันดีขึ้นกว่านี้ได้อย่างไรบ้าง?”

“ผมเห็นคนหนุ่มสาวเยอะแยะไปที่มีไอเดียเจ๋ง ๆ มากมาย  แต่พอเช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาก็กลับเข้าไปทำงานที่ออฟฟิศเดิม ทำสิ่งเดิม ๆ”

“คุณ ต้อง-ลง-มือ-ทำ  คุณต้องทำอะไรสักอย่าง  คุณต้องมุ่งมั่นทำงานอย่างหนักด้วย  เพื่อตัวเองและเพื่อสังคม”

“คุณต้องตั้งเป้าที่จะช่วยสังคม  เพราะต่อเมื่อคนอื่น ๆ ในสังคมประสบความสำเร็จและมีความสุขเท่านั้นตัวคุณเองถึงจะประสบความสำเร็จและมีความสุขได้!

สรุป      1) มองโลกในแง่ดีและมีความเชื่อมั่น  2)  เมื่อหางานไม่ได้ก็สร้างงานขึ้นมาเอง  3) จงอย่าบ่น  4)  จงแก้ปัญหาให้ผู้อื่น   5) ถามตัวเองว่าจะทำสิ่งดี ๆ ที่แตกต่างขึ้นมาได้อย่างไร   6)  จงลงมือทำ  อย่าเอาแต่คิด   7) จงทุ่มเททำงานอย่างหนัก   8) จงตั้งเป้าที่จะช่วยสังคม
-------------------------------------------------------------------
เชิญสนับสนุนหนังสือ “ออกกำลังใจ” ของดร.ณัชรได้ที่นี่ http://goo.gl/V2NIMn
-------------------------------------------------------------------
สนใจฝึกเจริญสติคลิกที่นี่  http://goo.gl/ALKOvv 
-------------------------------------------------------------------
เพื่อไม่ให้พลาดโพสต์ดี ๆ จากทางเพจ

1. ใส่อีเมล์ของท่านในช่อง “Follow by Email รับการแจ้งโพสต์ใหม่ในอีเมล์ของคุณในช่องท้ายบทความและกด “submit” (ทำรายการนี้ได้เฉพาะตอนที่ท่านเข้าชมเพจผ่านจอคอมพิวเตอร์และ Tablet เท่านั้น)

2. สำหรับ Facebook กรุณากด Get Notification (“รับการแจ้งเตือน”) ใต้ปุ่ม Like (“ถูกใจ”) ที่หน้าเพจ “ดร ณัชร” ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือ Tablet

3.  Add LINE ID @dr.nash (ต้องมีเครื่องหมาย @ นำหน้า)

-------------------------------------------------------------------
Cr ภาพ Youtube

No comments:

Post a Comment