ซีรี่ส์ “เรื่องดี ๆ จาก ดร.ณัชร” เรื่องที่ 98
นิตยสารไทม์ฉบับวันที่ 14 มี.ค.
นี้มีบทความโดย Mandy Oaklander ที่พูดถึงวิธีเพิ่มความอยู่เย็นเป็นสุข (well-being) ในที่ทำงาน
โดยยกตัวเลขที่น่าตกใจมาประกอบว่า ผลสำรวจล่าสุดพบว่าสหรัฐอเมริกาต้องเสียเงินถึงปีละห้าแสนห้าหมื่นล้านเหรียญ
(19.8 ล้านล้านบาท) ต่อปีไปกับผลเสียของสภาวะที่เรียกว่า “disengagement at work” ซึ่งหมายถึงการที่คนทำงานทำไปอย่างซังกะตาย
ไม่ทุ่มเท ไม่มีความสุขกับงาน และอาจต้องออกจากงานไปในที่สุด
นอกจากนี้ยังต้องเสียเงินอีกถึงปีละสามแสนล้านเหรียญ
(10.8 ล้านล้านบาท) ไปกับการบำบัดอาการเครียดที่เกิดจากการทำงานด้วย
ในบทความยกตัวอย่างวิธีลดความเครียดในที่ทำงานที่ได้ผลวิจัยยืนยันว่าได้ผลดีมา
8 วิธีดังนี้
1) สละเวลาสัก 5 นาทีให้ความช่วยเหลือผู้อื่น
โดยอาจจะเอากาแฟไปให้เพื่อนร่วมงานที่ดูจะกำลังต้องการกาแฟแต่ไม่มีเวลาเดินไปชงเองก็ได้ งานวิจัยพบว่าการลงมืออาสาทำอะไรให้ใครนั้นช่วยทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันดีขึ้น ซึ่งช่วยให้ “ผู้ให้” ฟื้นตัวจากความเครียดได้
ข้อนี้ชาวพุทธอย่างเรา ๆ
คงไม่รู้สึกแปลกใจอะไรใช่ไหมคะ เพราะโดยมากเวลาเราทำจิตอาสา
ทำบุญทำทานอะไร
เราก็รับรู้ถึงความสุขได้ทันทีอยู่แล้ว
2) เล่นกับสุนัข
ลองขอเจ้านายนำสุนัขที่บ้านไปทำงานด้วยดูถ้าที่ทำงานของคุณเอื้อต่อการมีสุนัขเดินไปมา งานวิจัยพบว่าพนักงานที่นำสุนัขไปที่ทำงานด้วยมีความเครียดน้อยลงมากและในขณะเดียวกันก็ยังสามารถทำงานได้มากเท่าวันที่ไม่ได้นำสุนัขไปด้วย
ดูเหมือนข้อนี้ที่ญี่ปุ่นก็ทำกันหลายบริษัท แต่รู้สึกจะเป็นแมวมากกว่า
3) ซ่อนมือถือของคุณซะ!
งานวิจัยพบว่าถึงแม้คุณจะไม่ได้ใช้มัน
แต่เพียงแค่เห็นมันอยู่ในสายตาก็จะทำให้ความสามารถในการมีสมาธิจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้าลดลงแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นงานวิจัยอีกชิ้นยังพบว่า
เมื่อต้องพบปะกับใคร เพียงการมีมือถืออยู่ในที่ที่มองเห็นได้ก็สามารถทำให้เกิดการไว้วางใจอีกฝ่ายน้อยลงและรู้สึกชอบอีกฝ่ายน้อยลงด้วย
4) พักสักครู่ในช่วงเช้า ไม่ใช่ช่วงบ่าย
ผลงานวิจัยของปีนี้พบว่า ผู้ที่พักสักครู่ในช่วงเช้านั้นจะมีความรู้สึกเหนื่อยใจน้อยกว่าและมีความรู้สึกพึงพอใจกับงานมากกว่าผู้ที่เลือกพักช่วงบ่าย ข้อนี้สำหรับคนไทยคงไม่มีปัญหาเพราะส่วนใหญ่เราคงจะพักกันทั้งเช้าและบ่ายใช่ไหมคะ
(^_^)
5) เมื่อได้รับมอบหมายงานมา อย่าเพิ่งทำทันที
ข้อนี้อาจจะฟังดูแปลก ๆ
แต่งานวิจัยหนึ่งพบว่า
ผู้ที่เริ่มลงมือทำงานที่ได้รับมอบหมายมาทันทีจะมีความคิดสร้างสรรค์ในงานชิ้นนั้นน้อยกว่ากลุ่มที่แว่บไปทำอย่างอื่นก่อนสัก
5 นาที นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า ลึก ๆ
ลงไปแล้วช่วงที่แว่บไปทำอย่างอื่นก่อนนั้นสมองน่าจะพยายามหาทางจัดการงานเหล่านั้นด้วยวิธีต่าง
ๆ กันโดยเราไม่รู้ตัว
ดังนั้นพอลงมือทำจริง ๆ อาจจะคิดวิธีทำได้สร้างสรรค์มากกว่า
6)
ออกไปเดินจงกรมหรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับงานสัก 10 นาที
นักวิจัยจาก Wharton ซึ่งเป็นบัณฑิตวิทยาลัยด้านการบริหารธุรกิจระดับแนวหน้าของอเมริกาได้แนะนำว่า
กิจกรรมข้อนี้สำคัญมากถึงขนาดที่คุณต้องจดลงไปในปฎิทินนัดหมายงานและต้องทำให้ได้ด้วย นอกจากการออกไปเดินจงกรม (walking
meditation) แล้ว
นักวิจัยบอกว่าคุณจะทำอย่างอื่นก็ได้ เช่น การฟัง podcast
หรือคุยอะไรกับเพื่อนก็ได้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องงาน
ข้อนี้ผู้เขียนอดนึกไม่ได้ว่า ในประเทศไทยเรายังไม่ค่อยได้ยินว่าพนักงานขอพักสัก
10 นาทีออกไปเดินจงกรมกันเลย
ถ้าคุณผู้อ่านเคยทำก็ช่วยแชร์ประสบการณ์ให้ผู้เขียนฟังหน่อยนะคะ
7)
เม้าท์กับเพื่อนร่วมงาน
การพูดจาสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานนั้นช่วยคลายเครียดได้มากแม้แต่กับผู้ที่มีแนวโน้มชอบเก็บตัวอยู่คนเดียวเงียบ
ๆ แต่ถ้าจะให้คลายเครียดจริง ๆ
นั้นนักวิจัยระบุว่าต้องคุยกันเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องงาน
8)
ทำงานจบวันแล้วก็คือจบ
ผลวิจัยปีนี้พบว่า
พนักงานที่คิดว่าพวกเขาต้องทำตัวให้ติดต่อเรื่องงานได้ตลอดเวลาหลังจบเวลาทำงานนั้นจะมีฮอร์โมนความเครียด
คือ คอร์ติซอล สูงกว่า
ดังนั้นจบวันแล้วก็จงอย่าเช็คอีเมล์เรื่องงาน แต่จงพักผ่อนในแบบที่คุณเลือก
หวังว่า 8 วิธีนี้คงพอจะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณผู้อ่านคลายเครียดจากการทำงานลงได้บ้าง
อย่างไรก็ตามผู้เขียนอ่านจบแล้วรู้สึกว่า ทั้งหมดนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ทำไมเราไม่ลองคิดหาวิธีแก้ปัญหาที่ต้นเหตุแทนกันล่ะ คือ ทำความเข้าใจว่าทำไมเราจึงเครียดเวลาทำงานหรือรู้สึกซังกะตาย และความจริงเรามีทางแก้ปัญหาที่ต้นเหตุด้วยวิถีพุทธเสียด้วย
มาคุยเรื่องนี้ต่อในตอนหน้ากัน
-------------------------------------------------------------------
เชิญสนับสนุนหนังสือ
“ออกกำลังใจ” ของดร.ณัชรได้ที่นี่ https://goo.gl/2gdIch
-------------------------------------------------------------------
ต้องการสั่งซื้อหนังสือธรรมะภาษาอังกฤษ
“Zenwise
(มองอย่างเซน)” คลิกที่นี่
http://goo.gl/forms/OxlEn9xb0R
------------------------------------------------------------------
สนใจฝึกเจริญสติคลิกที่นี่ http://goo.gl/ALKOvv
-------------------------------------------------------------------
เพจ “ดร.ณัชร”
เกิดขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะทำความดีถวายในหลวง
และเพื่อเทิดพระเกียรติพระอัจฉริยภาพในด้านต่าง ๆ ในการสร้างความสุขและความสำเร็จที่ยั่งยืนให้แก่ประชาชนชาวไทย
--------------------------------------------------------------------
เพื่อไม่ให้พลาดโพสต์ดี
ๆ จากทางเพจ
1. ใส่อีเมล์ของท่านในช่อง “Follow by
Email รับการแจ้งโพสต์ใหม่ในอีเมล์ของคุณ” ในช่องท้ายบทความและกด
“submit” (ต้องทำผ่านจอคอมพิวเตอร์)
2. สำหรับ Facebook กรุณากด Get Notification (“รับการแจ้งเตือน”)
ใต้ปุ่ม Like (“ถูกใจ”) ที่หน้าเพจ
“ดร ณัชร” ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์
3. Add LINE ID @dr.nash (ต้องมีเครื่องหมาย @ นำหน้าคำว่า dr.nash)
-------------------------------------------------------------------
ภาพประกอบโดย ดร.ณัชร สยามวาลา
ภาพประกอบโดย ดร.ณัชร สยามวาลา
No comments:
Post a Comment